RAID คือการกำหนดค่าฮาร์ดดิสก์ทางกายภาพที่แตกต่างกันหลายแห่งที่สร้างสถาปัตยกรรม โดย RAID ที่นิยมใช้กัน (RAID ระดับ 0, 1, 5 เป็นต้น) สถาปัตยกรรม RAID จะแจกจ่ายข้อมูลบนดิสก์ทั้งหมดกระจายออกไปบนชุดของ Hard drive ซึ่งระบบปฏิบัติการจะมองเห็นว่าเป็น Drive เดียว ถึงแม้ว่าระดับ RAID ที่แตกต่างกันจะมีกลไกการป้องกันข้อมูลสูญหายเนื่องจากความล้มเหลวทางกายภาพของฮาร์ดดิสก์อย่างน้อยหนึ่งดิกส์ แต่เทคโนโลยีนี้ก็ไม่ได้ทำให้เรามั่นใจได้ว่า ข้อมูล จะไม่มีวันสูญหายไป ดังนั้นจึงควรเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อมีการใช้ RAID และตรวจสอบวิธีตั้งค่าจาก 6 ข้อต่อไปนี้:
- RAID ก็ต้องมี BACKUP การสำรองข้อมูล จำเป็นต้องมี ไม่ว่าคุณจะตั้งค่า RAID ไว้แบบใด โปรดสำรองข้อมูลของคุณอยู่เสมอ แม้ว่าผู้จัดจำหน่ายจะให่้การการันตีไว้แค่ไหนก็ตาม แต่ไม่มีผู้จำหน่ายรายใดเลย ที่กล้าให้การบริการกู้คืนข้อมูลบน NAS หรือ Server RAID การสำรองข้อมูลและการเก็บไว้อย่างถูกต้องเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการ Restore ข้อมูลของคุณกลับมา
- เลือกการกำหนดค่า RAID ที่ถูกต้อง ตั้งแต่แรก เนื่องจากการกำหนดค่า RAID ต่างกันมีความซ้ำซ้อนกันเพื่อป้องกันข้อมูลสูญหายจึงเป็นการวางแผนที่ดีในการสร้างแนวคิดในการออกแบบระบบจัดเก็บข้อมูลซึ่งจะครอบคลุมข้อมูลและข้อกำหนดการสูญหายของข้อมูลของคุณอย่างแท้จริง ควรศึกษาระบบ RAID ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณตั้งแต่การตั้งค่าเปิดเครื่องใช้งานครั้งแรก
- อย่าพยายาม Rebuild RAID สร้างระบบใหม่ เมื่อดิสก์เสียหายเกินกว่าระดับ RAID รองรับตัวเองได้ ถ้าคุณใช้งาน RAID 5 จะสามารถรองรับ ความเสียหายระดับ Physical Hard drive ได้ 1 ตัว แต่ถ้าคุณโชคร้ายที่ Hard Drive เสียหายพร้อมกัน 2 ตัว RAID 5 จะไม่สามารถทำงานได้อีกต่อ กรุณาหยุดพยายาม สลับเปลี่ยนตำแหน่งไดรฟ์ และการเรียกใช้คำสั่ง Delete Volume หรือ Rebuild Raid การสร้างใหม่ ลูกค้ามักจะทำให้ข้อมูลสูญหายอย่างถาวรด้วยเหตุผลนี้
- เตรียมพร้อมสำหรับความล้มเหลวของระบบหรือฮาร์ดแวร์เสมอ หากคุณซื้อระบบ Server หรือ NAS ที่ใช้ระบบ RAID โดยผู้ผลิตรายหนึ่ง อาจเป็นไปได้ว่าฮาร์ดดิสก์ทั้งหมดใช้มาจากชุดและวันที่ผลิตเครื่องเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฮาร์ดดิสก์เหล่านั้น จะถึงจุดจบของชีวิตในเวลาเดียวกัน ฮ่าๆๆๆๆ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบและตรวจสอบสถานะของฮาร์ดไดรฟ์ในช่วงเวลาใกล้เคียงที่จะหมดประกัน หากฮาร์ดดิสก์ตัวใดตัวหนึ่งใน RAID 5 ไม่ทำงาน อย่าลังเลหรือนอนใจที่จะรีบเปลี่ยนทันที การรองานเสร็จ หรือ ยังไม่มีเวลาไปซื้อฮาร์ดดิสก์ อาจนานเกินไปที่ทำให้ข้อมูลสูญหาย เนื่องจากมีไดรฟ์อื่นๆ เสียหายเพิ่มอีก การติดตาม Monitor สุขภาพของฮาร์ดดิสก์ภายในเป็นประจำ เป็นสิ่งที่ต้องทำ และควรจะนำมาใช้ใน Policy ในแผนกไอที หรือ จดใส่ปฎิทินของคุณ การติดต่อใช้บริการกู้คืนข้อมูลที่เชื่อถือได้และเป็นมืออาชีพ คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับข้อมูลอันมีค่าของคุณ
- ถ้าคุณต้องการ Create Volume หรือ Rebuild RAID ใหม่ ควรทำ Image Disk ของแต่ละลูกไว้ก่อน พร้อมตั้งชื่อกำกับ เช่น DISK 1,2,3 หรือ Bay 1,2,3 ตามความเข้าใจของคุณ หากการกระทำดังกล่าวล้มเหลม ยังมีโอกาสในการกู้คืนข้อมูลในภายหลังได้ใหม่ เพราะการใช้งานฮาร์ดดิสก์มาระยะเวลานึง อาจทำให้พื้นที่ของดิสก์มี BAD เพิ่มขึ้น จนไม่อาจทำให้ Create หรือ Rebuild ได้ใหม่ นอกจากนี้
- หากคุณไม่ทราบสาเหตุที่ RAID หรือ Hardware ของระบบจัดเก็บข้อมูลล้มเหลว – และเสี่ยงที่จะสูญเสียข้อมูล อย่าพยายามสร้างใหม่หรือกู้ข้อมูลเอง หากคุณไม่มีความรู้พอที่จะทำให้ระบบทำงานอีกครั้ง หรือ ต้องแก้ไข หรือ ทำอะไรบ้าง การกู้คืนข้อมูล หรือ เข้าถึงข้อมูลที่สูญหายได้ดีที่สุดคือติดต่อผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ มากกว่าความเสี่ยงที่จะทำลายข้อมูลที่มีค่าตลอดไป!
สรุป: ระบบจัดเก็บข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้นจะทำให้การกู้คืนข้อมูลมีความซับซ้อนมากขึ้นเมื่อการสูญเสียข้อมูลเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่อาร์เรย์ RAID เท่านั้น แต่รวมเทคโนโลยีที่ซับซ้อนหลายอย่างไว้ในระบบเช่นการจำลองเสมือนและการคัดลอกข้อมูล เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นเทคโนโลยีที่รวมกันสามารถทำให้เกิดความล้มเหลวที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยฟังก์ชันซอฟต์แวร์ปฏิบัติการเพียงตัวเดียว แต่หลังจากการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งจากผู้เชี่ยวชาญแล้วผู้ที่สามารถตัดสินใจได้ว่าต้องการให้ชั้นของความซับซ้อนใดที่จะได้รับการกู้คืนมาก่อนอันดับที่สองสามและ จนกว่าข้อมูลจริงจะสามารถเรียกคืนได้ หากคุณไม่แน่ใจว่าคุณมีความรู้ที่จำเป็นในการกู้คืนข้อมูลที่หายไปจากระบบ RAID ของคุณหรือระบบจัดเก็บข้อมูลที่ใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ จากนั้นให้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้คืนข้อมูลเช่น ATL Recovery